ชื่อวิทยาศาสตร์ | Plumeria rubra L. |
ชื่อสามัญ | Temple tree , Pagoda tree , Frangipani |
วงศ์ | Apocynaceae |
ชื่ออื่น | จงป่า (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี); จำปาขอม (ภาคใต้); จำปาขาว (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ); จำปาลาว (ภาคเหนือ); ลั่นทม (ภาคกลาง) |
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
|
ไม้พุ่ม สูง 3-6 เมตร ทุกส่วนมียางสีขาว ใบ ใบเดี่ยวออกเวียนสลับถี่ บริเวณปลายกิ่ง รูปใบหอกหรือใบหอกกลับ กว้าง 5-10 เซนติเมตร ยาว 12-30 เซนติเมตร ปลายและโคนแหลม ดอก มีหลายสีตั้งแต่สีขาว สีส้ม ชมพูเข้ม จนถึงแดงเข้ม กลางดอกสีเหลือง หรือมีแถบสีเหลือง ด้านนอกมักมีสีชมพู มีกลิ่นหอมออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ซ้อนเหลื่อมกัน ปลายกลีบแหลมหรือมีติ่งแหลม เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร เกสรตัวผู้ 5 อัน สั้น ผล เป็นฝักคู่ รูปยาวรี กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 25 เซนติเมตร เมล็ด จำนวนมาก แบน มีปีก มีถิ่นกำเนิดแถบอเมริกากลาง ออกดอกตลอดปี |
สรรพคุณ | เปลือกราก เป็นยาถ่ายอย่างแรง เปลือกต้น มีสารจำพวก iridoid คือ fulvoplumierin ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ในหลอดทดลอง |
แหล่งอ้างอิง | http://www.rspg.or.th |